AI คืออะไร? และทำไม SME ไทยต้องเริ่มใช้ ก่อนจบปี 2025
- SkillUP Asia
- 5 วันที่ผ่านมา
- ยาว 4 นาที
“ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI (Artificial Intelligence) คือระบบที่สร้างขึ้นจากเครื่องจักรหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจตามเป้าหมายที่มนุษย์กำหนด ได้ง่าย ๆ
คือการทำให้คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมทำงานเหมือนสมองมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์
วิเคราะห์ข้อมูล หรือแนะนำสิ่งที่เหมาะสม โดยอยู่บนพื้นฐานข้อมูลจำนวนมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ChatGPT, Midjourney หรือ AI ที่ช่วยแปลภาษาและตอบลูกค้าอัตโนมัติค่ะ

AI คืออะไร? และทำไม SME ไทยต้องเริ่มใช้ ก่อนจบปี 2025
เมื่อหลายปีก่อน AI เป็นเทคโนโลยีที่ดูเหมือนไกลตัว ใช้ได้เฉพาะในห้องแล็บหรือบริษัทใหญ่
แต่ปัจจุบันด้วยคลื่นลูกใหม่ของ “Generative AI” เช่น ChatGPT และระบบการเรียนรู้เชิงลึก
(Deep Learning) ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้
มีแอปพลิเคชันอยู่ในมือถือ ช่วยตั้งแต่สร้างคอนเทนต์จนถึงวางแผนธุรกิจ
คำถามคือทำไม SME ไทยจึงต้องรีบใช้ AI ในปี 2025?
คำตอบอยู่ในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การแข่งขัน และประสิทธิภาพการทำงาน
แนวโน้มทั่วโลก: SMEs ใช้ AI อย่างไร?
ปี 2025 เป็นปีที่ AI ไม่ใช่แค่การทดลองอีกต่อไป หลายองค์กรทั่วโลกเริ่มนำ AI มาใช้จริง
ในแคนาดามีรายงานของไมโครซอฟท์ระบุว่า 71 % ของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) ใช้ AI
หรือ GenAI แล้ว และ 90 % ของธุรกิจดิจิทัลเนทีฟมีการนำ AI ไปใช้ในงานจริง
ผลการสำรวจยังพบว่า 70 % ของธุรกิจเหล่านี้รายงานว่าประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน
ดีขึ้นหลังใช้ AI นอกจากนี้ 75 % มีแผนจะลงทุนใน AI เพิ่ม และ 63 % ให้ความสำคัญกับ GenAI
โดยเฉพาะ จุดสังเกตคือธุรกิจขนาดเล็กจะใช้ AI เพื่อ “ลดต้นทุนและหาลูกค้าใหม่”
ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางมักใช้ด้านการตลาด การสรรหาคน และการเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์
แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดเติบโตอย่างมีระบบค่ะ
อีกด้านหนึ่ง ธุรกิจในสหราชอาณาจักรยังลังเล ข้อมูลจาก British Chambers of Commerce พบว่า 48 % ของ SMEs ในสหราชอาณาจักรยังไม่มีแผนใช้ AI โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องพบปะลูกค้าถึง 58 % เหตุผลเพราะกังวลเรื่องต้นทุน ความเชื่อถือได้ ความเสี่ยงด้านข้อมูล และขาดความเข้าใจในเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามกรณีศึกษา 4 ธุรกิจระดับโลกที่ประสบความสำเร็จเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า SME สามารถใช้ AI ได้แม้งบประมาณจำกัด ซึ่งครูเฟิร์นจะเล่าให้ฟังในภายหลังค่ะ
ทำไม SME ไทยต้องรีบใช้ AI ในปี 2025?
1. เศรษฐกิจและการพึ่งพาเทคโนโลยี
ประเทศไทยมี SMEs กว่า 3.2 ล้านราย ซึ่งคิดเป็น 35.8 % ของ GDP และส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม micro (84 %) และ small (14 %) หมายความว่าถ้า SMEs ไม่สามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ เศรษฐกิจไทยจะสะดุดอย่างมาก ข้อมูลจาก MI Learn Lab และ SCB EIC ชี้ว่าปัจจุบัน SMEs ไทยเจอกับสี่อุปสรรคใหญ่ ได้แก่ ต้นทุนผลิตและดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น, พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว, แรงกดดันจาก ESG
(สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน) และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ยังยาก การนำ AI มาใช้จึงเป็นทางออกเพื่อจัดการต้นทุน บริหารอุปสงค์ และตอบสนองความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคต้องการบริการรวดเร็วและยั่งยืน
2. ลดภาระงานซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ
AI สามารถทำงานแทนคนในงานที่ซ้ำซาก เช่น การตอบคำถามลูกค้า, การจัดการสต็อกสินค้า
และการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ทีมงานสามารถใช้เวลาไปทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ตัวอย่างเช่นบริษัท Nakie ในออสเตรเลียใช้ AI ช่วยติดตามปริมาณสต็อกและวิเคราะห์รีวิวลูกค้า
ส่งผลให้ทีมสามารถบริหารโลจิสติกส์ได้ดีขึ้นและนำข้อมูลเสียงของลูกค้าไปปรับสินค้าได้
ส่วน CMY Cubes ธุรกิจของเล่นด้าน STEAM ใช้โมเดล GPT ที่ปรับแต่งตามโทนเสียงแบรนด์ของตัวเองเพื่อสร้างบทความ SEO และวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ทำให้ประหยัดเวลามากขึ้นและโฟกัสงานขายได้เต็มที่ ธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีทีมข้อมูลจึงสามารถใช้นวัตกรรมนี้ช่วยตัดสินใจได้ค่ะ
3. เพิ่มขีดความสามารถด้านการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า
AI ไม่ได้ช่วยแค่หลังบ้าน แต่ยังช่วยด้านการตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น GetTransfer
บริษัทจับคู่รถรับส่งสนามบิน ใช้ AI วิเคราะห์อีเมลตามเจตนาและทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ รวมถึงช่วยกำหนดราคาที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้ช่วยลดชั่วโมงการทำงานและเร่งการออกผลิตภัณฑ์ ขณะที่ FC Beauty ใน UAE ใช้ AI แนะนำสินค้าที่เหมาะกับลูกค้า และใช้ predictive analytics เพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้า ช่วยป้องกันปัญหาสต็อกขาดหรือเกิน บริษัท PhoenixFire Design ในสหรัฐฯ ใช้ ChatGPT และ Bard สร้างเนื้อหาเป็นฉบับร่าง ทำให้ลดเวลาการผลิตเนื้อหาได้ถึง 80 % ส่วนบริษัท Allcasting ในสหรัฐฯ ใช้ AI ในการค้นหาและคัดเลือกนักแสดงเพื่อให้ทีมแคสติ้งได้พบคนที่เหมาะสมและส่งเสริมความหลากหลาย ตัวอย่างเหล่านี้แสดงว่าการใช้ AI ในการตลาดช่วยให้ SME มีข้อมูลในการตัดสินใจและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
4. เครื่องมือเข้าถึงง่ายและต้นทุนต่ำลง
ในอดีต AI อาจเป็นเรื่องไกลตัวเพราะต้องลงทุนสูง ปัจจุบันมีเครื่องมือ SaaS และ API ที่ SMEs
สามารถใช้งานได้แบบสมัครสมาชิกรายเดือน เช่น ChatGPT, Midjourney, Suno (สำหรับสร้างเพลง) หรือเครื่องมือทำนายยอดขาย ระบบเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับ
นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการที่ออกแบบ AI สำหรับ SMEs โดยเฉพาะ เช่น MiAi ที่ MI Group เปิดตัวในไทยเพื่อเป็น “ผู้ช่วยด้านกลยุทธ์” โดยมี Framework 4P + 1T, ชุดคำถามกว่า 400 ข้อ
และคำแนะนำเชิงกลยุทธ์กว่า 200 รายการ พร้อมทำงานร่วมกับ ChatGPT API ทำให้ SMEs
สามารถเริ่มต้นใช้ AI ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด และลดความซับซ้อนทางเทคนิค
5. แรงผลักดันจากต่างประเทศและนโยบายรัฐ
รัฐบาลหลายประเทศมีนโยบายสนับสนุน AI และเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น แคนาดาที่ร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาสร้างระบบ AI อย่างมีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกัน ไทยเองก็มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ทุนสนับสนุน SMEs ด้าน AI เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ให้คำปรึกษาและเงินทุนเพื่อช่วยธุรกิจปรับตัวกับเศรษฐกิจยุคใหม่ เพิ่มโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและลดความเสี่ยงในการลงทุนค่ะ
กรณีศึกษา: SME ทั่วโลกที่ใช้ AI สำเร็จ
เพื่อให้เห็นภาพชัดว่าการนำ AI ไปใช้จริงเป็นอย่างไร ครูเฟิร์นยกตัวอย่าง 5 ธุรกิจจากหลากหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นแรงบันดาลใจให้ SMEs ไทยค่ะ
Nakie – ร้านออนไลน์ผลิตสินค้าจากวัสดุรีไซเคิล (ออสเตรเลีย)Nakie เริ่มต้นจากการผลิตเปลญวนจากขวดพลาสติกรีไซเคิล และขยายสู่สินค้าอื่น ๆ เช่น ผ้าเช็ดตัวชายหาดและเสื้อ
จนต้องมีระบบจัดการสินค้าที่ซับซ้อน ทีมงานจึงใช้ AI ติดตามปริมาณสต็อกและวิเคราะห์รีวิวลูกค้า ทำให้มั่นใจว่ามีสินค้าพร้อมขายและเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
การใช้ AI ยังช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากรีวิวเพื่อพัฒนาสินค้าและเพิ่มยอดสั่งซ้ำ นอกจากนี้ AI
ยังช่วยจัดลำดับคำสั่งซื้อและจัดสรรวัตถุดิบได้แม่นยำ ลดปัญหาขาดสต็อก
CMY Cubes – ธุรกิจของเล่น STEAM (ออสเตรเลีย)CMY Cubes สร้างโมเดล GPT ของตัวเองเพื่อเขียนบทความ SEO ตามเสียงของแบรนด์ ช่วยประหยัดเวลาในการเขียนคอนเทนต์และยังไม่ต้องจ้างทีมคอนเทนต์เต็มเวลา ทำให้ทีมสามารถโฟกัสงานขายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการตลาด เช่น ช่องทางโซเชียลใดสร้างยอดขายมากที่สุด เพื่อจัดสรรงบโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ
GetTransfer – แพลตฟอร์มจับคู่รถรับส่งสนามบิน (ฮ่องกง)GetTransfer พัฒนา AI ของตัวเองเพื่อวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่อีเมลโดยอัตโนมัติ ช่วยลดงานที่ต้องใช้เวลามาก นอกจากนี้ AI ยังใช้ในการทดสอบซอฟต์แวร์ สร้างสัญญาบริการ และช่วยหาข้อมูลที่จำเป็น ทำให้ลดเวลานำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาด และช่วยตั้งราคาแบบ dynamic pricing ให้เหมาะสม ซึ่งช่วยทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารได้ราคาดีกว่า การที่ทีมพัฒนา AI ของตนเองทำให้ GetTransfer ควบคุมคุณภาพและปรับระบบตามความต้องการได้รวดเร็ว
FC Beauty – บริษัทสกินแคร์ในดูไบFC Beauty ใช้ AI แนะนำสินค้าที่เหมาะกับลูกค้าโดยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมออนไลน์ ใช้ Chatbot ตอบคำถามและเก็บข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ เมื่อขยายธุรกิจไปทั่วโลก บริษัทใช้ AI คาดการณ์ยอดขายและจัดการสต็อกล่วงหน้า ทำให้มีสินค้าพร้อมจำหน่ายและลดความเสี่ยงของการสั่งสินค้าขาดหรือค้างสต็อก ที่น่าสนใจคือบริษัทเลือกทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญภายนอก เพื่อให้ได้เทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด โดยผสมผสานประสบการณ์ภายในกับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
PhoenixFire Design – สตูดิโอออกแบบกราฟิก (สหรัฐฯ)PhoenixFire ใช้ ChatGPT และ Bard เพื่อสร้างต้นฉบับเนื้อหา ทำให้กระบวนการออกแบบเร็วขึ้นถึง 80 % ทีมงานยังเน้นว่าผลงานที่ได้จาก AI เป็นเพียง “ฉบับร่าง” ต้องผ่านการตรวจทานโดยมนุษย์เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสไตล์และคุณภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม – เครื่องมือช่วยสร้าง แต่คนยังเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
Allcasting – บริษัทคัดเลือกนักแสดง (สหรัฐฯ)AI ถูกนำมาใช้ช่วยให้การค้นหาและคัดเลือกนักแสดงมีความหลากหลายมากขึ้น ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลโปรไฟล์และวิดีโอลองแสดง เพื่อจับคู่บทบาทกับผู้สมัครที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้กำกับและทีมคัดเลือกมีตัวเลือกที่ตรงใจและสร้างสรรค์มากขึ้น ในอนาคตบริษัทวางแผนขยายการทำงานร่วมกับคู่ค้าภายนอกเพื่อขยายศักยภาพ AI ในการคัดเลือกนักแสดง
บทเรียนจากบริบทไทย: โอกาสและความท้าทาย
ข้อมูลและอุปสรรคของ SMEs ไทย
SME ไทยเป็นกลไกหลักของเศรษฐกิจ แต่กลับมีอุปสรรค 4 ด้านดังที่กล่าวไป ได้แก่ ต้นทุนสูง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค แรงกดดัน ESG และการเข้าถึงเทคโนโลยี นอกจากนี้ข้อมูลยังพบว่า 68 % ของ SME ไทยเคยได้ยินคำว่า MarTech แต่มีเพียง 29 % ที่เคยนำมาใช้ และ 71 % ไม่เคยทดลองใช้เลย แสดงให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยียังจำกัด เป็นทั้งโอกาสและช่องว่างสำหรับผู้ที่ตัดสินใจเริ่มต้นก่อน
MiAi – ตัวอย่างเครื่องมือ AI ที่ออกแบบเพื่อ SMEs ไทย
MiAi เป็นเครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ที่พัฒนาโดย MI Group ในไทย เพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึง AI
ได้ง่ายขึ้น มี Framework 4P + 1T และระบบคำถามกว่า 400 ข้อเพื่อเจาะลึกกลยุทธ์การตลาด
อีกทั้งทำงานร่วมกับ ChatGPT API และมีคำแนะนำเชิงกลยุทธ์กว่า 200 รายการ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับ MiAi Strategy Blueprint และนำไปใช้ได้จริง MiAi ถูกออกแบบให้ใช้งานได้กับธุรกิจทุกขนาด
ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของเทคโนโลยี
เครื่องมือนี้สะท้อนว่าการปรับใช้นวัตกรรมในไทยกำลังเกิดขึ้นจริง ทำให้ SMEs ไม่ต้องพัฒนา AI เอง
แต่สามารถเลือกใช้โซลูชันที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจงในราคาที่เข้าถึงได้
มุมมองจาก WePlus Academy
จากประสบการณ์สอนของครูเฟิร์นใน WePlus Academy เราเห็นนักเรียน SME และฟรีแลนซ์จำนวนมากเริ่มใช้ AI เพื่อปรับกระบวนการทำงานให้เร็วขึ้น ตั้งแต่ใช้ ChatGPT ช่วยเขียนแคปชันโซเชียลมีเดีย
ไปจนถึงการวางแผนโฆษณา เราเคยมีนักเรียนร้านเสื้อผ้าที่ใช้ ChatGPT ช่วยเขียนบทความและ
ตอบคำถามลูกค้า ทำให้จำนวนคำถามซ้ำ ๆ ลดลง 60 % และมีเวลาดูแลลูกค้าในร้านมากขึ้น
อีกกรณีหนึ่งคือธุรกิจเครื่องประดับออนไลน์ที่นำ Midjourney มาช่วยสร้างภาพโฆษณา
ทำให้ยอดคลิกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเรียนรู้วิธีสร้าง Automation ด้วย Make.com และ ChatGPT ก็ลดเวลาทำงานซ้ำ ๆ 3–4 ชั่วโมงต่อวัน
ครูเฟิร์นเองพบว่าการสอน AI ให้ SME ต้องเริ่มจาก “เปลี่ยนมุมมอง” คือมอง AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่คู่แข่ง และเน้นให้ผู้เรียนได้ทดลองจริงในโปรเจกต์ของตัวเอง เราจึงออกแบบคอร์สแบบ Project-based ที่ให้ผลลัพธ์ทันที เช่น การสร้างระบบ Chatbot สำหรับร้านกาแฟ หรือการทำระบบส่งอีเมลอัตโนมัติสำหรับร้านค้าออนไลน์ หลายคนเริ่มใช้ AI ในการวิเคราะห์ลูกค้า นำข้อมูลจาก POS หรือ Facebook มาเข้าสู่ GPT เพื่อวิเคราะห์เทรนด์การซื้อแล้วปรับกลยุทธ์
วิธีเริ่มต้นใช้ AI สำหรับ SME ไทย
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่อยากเริ่มใช้ AI ครูเฟิร์นขอแนะนำขั้นตอนดังนี้ค่ะ:
กำหนดเป้าหมายชัดเจน – ไม่ต้องใช้ AI เพราะเป็นกระแส แต่ใช้เพื่อแก้ปัญหา เช่น ลดเวลาในการตอบคำถามลูกค้า, เพิ่มความแม่นยำในการสต็อก, หรือสร้างคอนเทนต์เร็วขึ้น
เริ่มจากงานเล็ก ๆ – เลือกงานซ้ำ ๆ เช่น สร้างโพสต์โปรโมชัน, ตอบคำถามลูกค้า หรือทำรายงานการขาย และลองใช้ ChatGPT, CapCut หรือ Midjourney ช่วย คุณจะเห็นผลเร็วแล้วค่อยขยายสู่ระบบที่ซับซ้อนขึ้น
ปรับทักษะทีมงาน – ให้พนักงานเรียนรู้พื้นฐาน AI และการตลาดดิจิทัล การฝึกอบรมและคอร์สออนไลน์ เช่นที่ WePlus Academy มี จะช่วยให้ทีมรู้สึกมั่นใจเมื่อใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ค่ะ
เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม – อย่ารีบซื้อระบบใหญ่โดยไม่ประเมินความต้องการ ควรเริ่มจากเครื่องมือที่ใช้งานง่าย เช่น MiAi หรือแพลตฟอร์มอื่นที่เหมาะกับธุรกิจ SME แล้วค่อยต่อยอด
ตรวจสอบข้อมูลและความปลอดภัย – เมื่อนำ AI มาช่วย แนะนำให้มีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลเสมอ และคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ติดตั้งระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รักษามนุษย์ในวงจร (Human‑in‑the‑Loop) – ทุกตัวอย่างที่กล่าวมา เช่น Nakie และ PhoenixFire ต่างย้ำว่าต้องมีคนคอยตรวจทานผล AI การใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า
ประเมินและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง – วาง KPI ให้ชัดเจน เช่น ลดเวลาในการตอบลูกค้า 50 % หรือเพิ่มยอดขาย 30 % จาก AI แล้วติดตามผล หากไม่บรรลุเป้าหมาย ให้ปรับเทคนิคหรือเครื่องมือ
สรุป: 2025 ปีแห่งโอกาสของ SME ไทยในโลก AI
ปี 2026 เป็นปีที่ AI จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกิจ ทุกธุรกิจทั่วโลกกำลังขยับเข้าสู่ยุคที่ข้อมูลและการวิเคราะห์อัจฉริยะมีความสำคัญ จากสถิติ 71 % ของ SMB ในแคนาดาใช้ AI และ 70 % ระบุว่าการใช้ AI ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้น แสดงให้เห็นว่าการลงมือวันนี้จะได้เปรียบในวันหน้า ขณะเดียวกัน SMEs ไทยซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจยังใช้ AI เพียง 29 % การลงมือก่อนจะทำให้คุณนำหน้าคู่แข่ง การปรับใช้เทคโนโลยีไม่ได้หมายถึงการทิ้งทีมงานแต่เป็นการเสริมพลังให้ทีมได้ทำงานที่สร้างสรรค์และมีค่ามากขึ้น
ครูเฟิร์นขอยืนยันว่า WePlus Academy พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดของทุกคนในการก้าวเข้าสู่ยุค AI Automation ใครที่กำลังลังเลอยู่ อย่าปล่อยให้ปี 2025 ผ่านไปโดยไม่ได้ลองค่ะ
AI ไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นปัจจุบันที่ทุกคนต้องเรียนรู้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโต
อย่างยั่งยืน มาเริ่มต้นด้วยกันและเป็นผู้นำในโลกธุรกิจดิจิทัลกันนะคะ 😊
อ้างอิง:
นิยาม “ปัญญาประดิษฐ์” จาก NIST ให้ความหมายว่า AI คือระบบที่ออกแบบมาให้ตัดสินใจหรือให้คำแนะนำตามวัตถุประสงค์ที่มนุษย์กำหนดcsrc.nist.gov.
ผลสำรวจของ Microsoft พบว่า 71 % ของ SMB ในแคนาดาใช้ AI แล้ว มีถึง 90 % ของบริษัทดิจิทัลเนทีฟที่นำ AI มาใช้ และ 70 % รายงานว่าประสิทธิภาพดีขึ้นnews.microsoft.comnews.microsoft.com.
ด้านอุปสรรค สมาคมการค้าสหราชอาณาจักรพบว่า 48 % ของ SMEs ไม่มีแผนใช้ AI เพราะกังวลเรื่องต้นทุนและความเสี่ยงข้อมูลraconteur.net.
สภาพเศรษฐกิจไทยมี SMEs ประมาณ 3.2 ล้านราย คิดเป็น 35.8 % ของ GDP และส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดจิ๋วหรือขนาดเล็กmarketingoops.com; พวกเขาเผชิญอุปสรรคด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และการเข้าถึงเทคโนโลยีmarketingoops.com.
การสำรวจระบุว่ามีเพียง 29 % ของ SMEs ไทยที่เคยใช้ MarTech แม้ว่าจะมี 68 % เคยได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยีการตลาดmarketingoops.com.
เครื่องมือ “MiAi” จาก MI Group ถูกออกแบบเพื่อช่วย SMEs ไทยสร้างกลยุทธ์ AI มีคำถามกว่า 400 รายการและเชื่อมต่อ ChatGPT APImarketingoops.com.
กรณีศึกษาระดับโลก เช่น Nakie ใช้ AI ติดตามสต็อกและวิเคราะห์รีวิวลูกค้าinsidesmallbusiness.com.au; CMY Cubes ใช้โมเดล GPT ช่วยเขียนบทความการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลinsidesmallbusiness.com.au; GetTransfer ใช้ AI วิเคราะห์อีเมลและกำหนดราคาที่เหมาะสมraconteur.net; FC Beauty ใช้ AI แนะนำสินค้าและคาดการณ์สต็อกraconteur.net; PhoenixFire Design ใช้ ChatGPT/Bard ช่วยร่างเนื้อหาโดยมีมนุษย์ตรวจทานraconteur.net; และ Allcasting ใช้ AI เพื่อค้นหานักแสดงที่หลากหลายraconteur.net.
ความคิดเห็น