สูตรโกงแซงคู่แข่งให้ AI รู้จักและสนับสนุน: จาก SEO สู่ AEO

ทิ้งห่างคู่แข่งในปี 2026 เริ่มตอนนี้กับ AEO Strategy

ในยุคที่ระบบปัญญาประดิษฐ์อย่าง ChatGPT, Bard และ Perplexity เข้ามาเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาคำตอบ แค่ทำ SEO ให้ติดอันดับใน Google ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะทุกวันนี้คนจำนวนไม่น้อยหันไปถาม AI โดยตรง แทนที่จะพิมพ์คำค้นลงในช่องค้นหา การแข่งขันใหม่จึงไม่ใช่แค่แย่งชิงพื้นที่ในผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่คือการทำให้ระบบ AI “รู้จัก” และ “หยิบ” เนื้อหาของคุณมาอ้างอิง นั่นเอง

คือจุดเริ่มต้นของ “สูตรโกงแซงคู่แข่งให้ AI รู้จักและสนับสนุน” ที่ครูเฟิร์นอยากแบ่งปันค่ะ

บทความนี้จะพาเจาะลึกว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ AI เลือกเว็บไซต์หนึ่งมาใช้ตอบคำถาม

 อะไรคือสิ่งที่ต้องเสริมเพื่อให้เว็บของเราโดดเด่นในสายตา AI และเราจะลงมือปฏิบัติอย่างไร

ให้ได้ผลจริง เราจะใช้ประสบการณ์จากการทำงานกับผู้เรียนที่ WePlus Academy และ

กรณีศึกษาจากโลกธุรกิจมาเป็นตัวอย่าง พร้อมแบ่งปันเคล็ดลับที่นำไปใช้ได้ทันที

AI SEARCH คืออะไร ทำไมต้องสนใจ ?

ทำไมต้องสนใจ AI Search?

-------------------------

คนไทยหลายคนอาจยังคุ้นกับ Google แต่เทรนด์ระดับโลกชี้ชัดว่าการค้นหาจะเปลี่ยนไป 

ระบบ AI สามารถตอบคำถามเชิงวิเคราะห์และเชิงสร้างสรรค์ได้ในประโยคเดียว 

ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องอ่านบทความยาว ๆ ด้วยตัวเอง ในเวลาเดียวกัน

 AI เหล่านี้ไม่ได้ดึงคำตอบมาจากอากาศ แต่จะอ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์ บล็อก

 และแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ  การจะให้ AI หยิบชื่อเราไปอ้างอิงจึงเป็นโอกาสใหม่ใน

การสร้างแบรนด์ เพิ่มผู้สนใจ และทำยอดขายเพื่อให้ระบบ AI รู้จักเว็บไซต์ของเรา 

สิ่งสำคัญคือการทำ “Answer Engine Optimization (AEO)” ที่เน้นให้เนื้อหาของเราเป็นคำตอบที่ดีที่สุดต่อคำถามของผู้ใช้ ขณะที่ “Search Engine Optimization (SEO)” มุ่งปรับแต่งเว็บเพื่อให้ติดอันดับ

ในผลลัพธ์ค้นหา AEO จะโฟกัสที่ปัจจัยที่ AI ให้ความสำคัญ เช่น ความตรงประเด็น ความน่าเชื่อถือ 

ความครบถ้วน และความสดใหม่ของเนื้อหา รวมถึงประสบการณ์ของผู้ใช้และโครงสร้างข้อมูล

ที่ AI อ่านได้ง่ายปัจจัยหลักที่ AI ใช้ในการเลือกแหล่งข้อมูล

-------------------------------------------

การทำให้ AI หยิบเว็บไซต์ของเรามาอ้างอิงต้องเข้าใจว่าระบบเหล่านี้ให้คะแนนหน้าเว็บอย่างไร 

จากการศึกษาบทวิเคราะห์และคำแนะนำล่าสุด ระบบ AI จะดูปัจจัยหลักดังนี้:

### 1. ความตรงประเด็น (Relevance)AI จะเลือกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำถามให้มากที่สุด 

หน้าเว็บที่ใช้คีย์เวิร์ดตรงกับประเด็นที่ผู้ใช้ถามและอธิบายได้ชัดเจนจะถูกจัดอันดับสูง ยกตัวอย่าง

บทความ “10 สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ปี 2025”

ถ้าใช้หัวข้อที่เจาะจง เช่น “สถานที่ท่องเที่ยวฤดูหนาวในเชียงใหม่ 2025” จะมีโอกาสถูก AI เลือกมากกว่าบทความทั่วไป เพราะตรงกับเจตนาของผู้ใช้ที่ถามเรื่องฤดูกาลและปี

### 2. เจตนาของผู้ใช้ (Context / Intent)นอกจากความตรงของคีย์เวิร์ดแล้ว AI ยังตีความเจตนา

ที่ซ่อนอยู่ในคำถาม เช่น ผู้ใช้ต้องการ “ข้อมูลเชิงลึก” หรือ “รายการอันดับ” หน้าเว็บที่มีรูปแบบเนื้อหาตรงกับประเภทคำถามจึงได้เปรียบ เช่น บทความแบบ Listicle (10 อันดับ…)

จะเหมาะกับคำถาม “สุดยอด…คืออะไร”

ขณะที่บทความ How-to แบบ Step-by-Step

จะเหมาะกับคำถาม “วิธีการทำ…อย่างไร” ระบบยังพิจารณาภาษาและสำนวนที่ใช้ 

หากเราตอบคำถามในโทนสนทนาและใช้น้ำเสียงเป็นมิตร จะทำให้ AI รู้สึกว่าเนื้อหาเหมาะ

กับการนำเสนอเป็นคำตอบได้ดีขึ้น

### 3. ความสดใหม่ (Freshness)เมื่อคำถามเกี่ยวข้องกับข้อมูลใหม่ เช่น เทรนด์ปีปัจจุบัน 

โปรโมชั่น หรือเทคโนโลยีล่าสุด AI จะให้ความสำคัญกับบทความที่อัปเดตล่าสุด 

บทความที่มีการแก้ไขหรือเพิ่มข้อมูลภายในไม่กี่เดือนจะถูกจัดอันดับเหนือกว่าบทความเก่าหลายปี อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นคำถามเชิงหลักการหรือประวัติศาสตร์ ข้อมูลเก่าแต่เชื่อถือได้ก็ยัง

มีโอกาสถูกเลือก ดังนั้นเราควรอัปเดตเนื้อหาสม่ำเสมอ พร้อมระบุวันอัปเดตให้ AI เห็น

### 4. ความน่าเชื่อถือ (Authority ) AI จะเลือกเนื้อหาจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและมีสัญญาณ

ความน่าเชื่อถือสูง เช่น มี Backlink จากเว็บไซต์ใหญ่ มีการอ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญ

หรือเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียง ระบบประเมินจาก E‑E‑A‑T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ซึ่งเน้นทั้งประสบการณ์ผู้เขียน ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น 

และความไว้วางใจจากผู้อ่าน เว็บไซต์ที่ได้รับการกล่าวถึงในสื่อหลายแห่ง หรือมีบทความที่ผู้เชี่ยวชาญเขียน จะมีโอกาสถูก AI หยิบไปใช้มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีข้อมูลผู้เขียนชัดเจน

### 5. คุณภาพและความครบถ้วนของเนื้อหา (Quality & Completeness)AI ชอบเนื้อหาที่ครอบคลุมประเด็นและให้ข้อมูลเชิงลึก ไม่ใช่บทความสั้น ๆ ผิวเผิน บทความยาวกว่า 2,000 คำ

ที่ครอบคลุมทุกมุมมอง มีตัวอย่าง เคสศึกษา และข้อมูลอ้างอิง จะถูกมองว่าเป็นแหล่งที่มีคุณภาพ นอกจากนี้โครงสร้างเนื้อหาที่ชัดเจน ใช้หัวข้อย่อย บูลเล็ต และหมายเลขลำดับ 

จะทำให้ AI เข้าใจง่าย และหยิบมาใช้ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเนื้อหาที่มีการตรวจทานและอ้างอิงข้อมูลจากหลายแหล่งจะสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องจากปัจจัยทั้งห้าข้อนี้ เราจะเห็นว่าเว็บไซต์ที่เขียนบทความยาว มีโครงสร้างดี 

และอัปเดตสม่ำเสมอ โดยมีชื่อเสียงและข้อมูลน่าเชื่อถือ จะมีโอกาสถูก AI เลือกมาอ้างอิง

สูงมาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริม เช่น โครงสร้างข้อมูลทางเทคนิค ความเร็วเว็บไซต์ 

ความเป็นมิตรกับมือถือ และการใช้คีย์เวิร์ดแบบสนทนา ซึ่งก็มีผลต่อการที่ AI

จะเข้าไปอ่านข้อมูลของเรา

สูตรโกง: วิธีเตรียมเว็บไซต์ให้ AI หยิบใช้

-------------------------------------------

ต่อไปนี้คือสูตรโกง (เชิงกลยุทธ์) ที่ครูเฟิร์นรวบรวมเพื่อให้ทุกคนสามารถปรับเว็บไซต์หรือบล็อก

ของตัวเองให้พร้อมถูก AI อ้างอิง โดยแบ่งเป็น 9 ขั้นตอนหลัก เริ่มจากงานง่ายไปสู่ขั้นสูง 

พร้อมตัวอย่างและประสบการณ์จาก WePlus Academy

### 1. ตั้งเป้าหมายและคีย์เวิร์ดอย่างชัดเจนก่อนจะเริ่มสร้างเนื้อหา ให้ถามตัวเองว่าเราต้องการ

เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับคำถามอะไร เช่น “สอน AI สำหรับธุรกิจไทย” หรือ “การทำ Automation ด้วย Make.com” ให้เลือกคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดย่อยที่เกี่ยวข้อง แล้วสร้างเนื้อหาเป็นกลุ่ม ๆ (Content Cluster) เพื่อให้ AI เห็นว่าเว็บไซต์เราครอบคลุมหัวข้อนี้อย่างแท้จริง

 การสร้างบทความหลายบทที่เชื่อมโยงกันด้วยลิงก์ภายใน จะช่วยให้ระบบเข้าใจโครงสร้างและมองว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น

### 2. สร้างบทความ Long‑form พร้อมโครงสร้างชัดเจนตามที่กล่าวไป AI ชอบเนื้อหาลึกและครบถ้วน บทความควรมีความยาว 2,000–3,000 คำขึ้นไป พร้อมหัวข้อย่อย H2/H3 ที่อธิบาย

แต่ละส่วนอย่างชัดเจน ให้ใช้บูลเล็ตและลิสต์ตัวเลขสำหรับขั้นตอนหรือรายการ 

เพื่อให้ AI และผู้อ่านสแกนหาเนื้อหาสำคัญได้เร็ว นอกจากนี้ควรมีสารบัญ (Table of Contents)

เพื่อแสดงโครงสร้างตั้งแต่ต้น

ครูเฟิร์นจะแชร์ตัวอย่างจากผู้เรียนที่เปิดร้านเครื่องประดับออนไลน์

 หลังจากเขียนบทความ 2,500 คำเกี่ยวกับ “วิธีเลือกเครื่องประดับตามโหราศาสตร์ไทย”

พร้อมเคสตัวอย่างและรูปภาพ รีวิวว่า ยอดแชร์ในโซเชียลเพิ่มขึ้นและบทความถูกนำไปอ้างอิงในหลายเว็บไซต์ ทำให้การค้นหา “เครื่องประดับเสริมดวง” ใน ChatGPT มีเนื้อหาของเขาปรากฏอยู่เสมอ

### 3. ใช้คำถาม-คำตอบ (FAQ)

และรูปแบบสนทนาAI จะประมวลคำถามของผู้ใช้ในรูปประโยคยาว ๆ มากกว่าคำค้นสั้น ๆ

 ดังนั้นเราไม่ควรเขียนบทความแบบคีย์เวิร์ดเฉพาะ แต่ควรออกแบบเนื้อหาให้เป็นรูปแบบ 

“คำถาม-คำตอบ” และใช้ภาษาที่เป็นมิตร ตัวอย่างเช่น การเขียนหัวข้อ 

“ทำไม SME ไทยควรใช้ AI ในปี 2025?” แล้วตอบด้วยประเด็นชัดเจน 3–5 ข้อ 

ะทำให้ AI มองเห็นความครอบคลุมและนำไปอ้างอิงได้ นอกจากนี้การทำหน้า FAQ ที่รวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับคอร์สหรือหัวข้อ ก็ช่วยให้ AI หยิบข้อมูลไปตอบได้ง่าย

### 4. เชื่อมโยงกับแหล่งภายนอกและสร้าง Backlinkความน่าเชื่อถือ

ไม่เกิดขึ้นเอง ต้องมีการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่น ๆ ผ่านการร่วมมือหรือการอ้างอิง เริ่มจากการเขียน Guest Post หรือบทความรับเชิญในเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง เช่น เว็บข่าวการตลาด สื่อการศึกษา หรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ แล้วใส่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา ทำให้ AI เห็นว่ามีเว็บไซต์อื่นเชื่อถือเนื้อหาเรา

 นอกจากนี้ควรร่วมกิจกรรมหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อ เพื่อให้มี Mention และ Link ในหลาย

ช่องทาง

 ครูเฟิร์นเคยร่วมงานกับเพจการตลาดอันดับต้น ๆ ของไทย ซึ่งหลังจากบทความถูกเผยแพร่ออกไป เว็บไซต์เราก็ได้รับทราฟฟิกเพิ่มขึ้นและชื่อ WePlus ถูก AI หยิบมาอ้างอิงในคำตอบเกี่ยวกับ “คอร์ส AI การตลาด” มากขึ้น

### 5. อัปเดตเนื้อหาและใช้ข้อมูลล่าสุดบทความที่ดีต้องอัปเดต เมื่อมีสถิติใหม่ เทรนด์ใหม่ หรือเทคโนโลยีเปลี่ยน เราต้องกลับมาแก้ไขบทความ โดยอาจเพิ่มส่วน “อัปเดตล่าสุด” ไว้ส่วนต้นของบทความ พร้อมระบุวันที่ AI จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ไม่ล้าสมัย เช่น ถ้าพูดถึงเทรนด์ปี 2025

ก็ควรอ้างอิงสถิติล่าสุดปี 2024–2025 และอธิบายว่ามีอะไรเปลี่ยนไป 

หากเนื้อหาต้องการคงคุณค่าในระยะยาว ก็ควรเพิ่มส่วน “ข้อมูลอ้างอิงตามปี”

เพื่อให้ผู้อ่านเห็นพัฒนาการ

### 6. เพิ่มกรณีศึกษาและตัวอย่างจากชีวิตจริงเนื้อหาที่มีเคสศึกษาจะสร้างความเชื่อมั่นทั้ง

สำหรับผู้อ่านและ AI ตัวอย่างเช่น ธุรกิจต่างประเทศอย่าง Nakie ใช้ AI ติดตามสต็อกและวิเคราะห์

รีวิวลูกค้า ส่งผลให้ทีมบริหารสินค้าดีขึ้น

https://insidesmallbusiness.com.au/people-hr/productivity/case-studies-how-smes-are-using-ai-to-compete-with-big-players#:~:text=For%20Nakie%2C%20their%20AI%20journey,their%20inventory%20and%20fulfil%20orders

ขณะที่ CMY Cubes นำ GPT มาช่วยเขียนบทความ SEO และวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ทำให้ลดเวลางานคอนเทนต์และโฟกัสงานอื่น

https://insidesmallbusiness.com.au/people-hr/productivity/case-studies-how-smes-are-using-ai-to-compete-with-big-players#:~:text=CMY%20Cubes%20started%20using%20AI,important%20tasks%2C%20such%20as%20sales

การนำตัวอย่างเหล่านี้มาเล่าในบทความแสดงให้ AI เห็นว่าเนื้อหามีความลึกและอ้างอิงแหล่งข้อมูลจริง นอกจากนี้ กรณีศึกษาในประเทศไทย เช่น ผู้เรียนของ WePlus ที่ใช้ ChatGPT

ช่วยเขียนคอนเทนต์และวิเคราะห์ลูกค้า ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ก็สามารถแทรกในบทความเพื่อ

เพิ่มความน่าเชื่อถือ

### 7. ปรับปรุงเทคนิค SEO และโครงสร้างเว็บไซต์

แม้ AI จะเน้นเนื้อหาและคุณภาพ 

แต่ถ้าเว็บไซต์ไม่มีพื้นฐาน SEO ที่ดี AI ก็อาจไม่เข้าไปอ่าน ตรวจสอบว่าเว็บไซต์โหลดเร็ว รองรับมือถือ มี URL ที่สื่อถึงเนื้อหา ไม่มี Pop‑up รบกวน และเปิดให้บอทของ AI เข้าถึง 

(ไม่บล็อก User‑Agent ของ ChatGPT หรือ Perplexity ใน robots.txt) ใช้ Title Tag และ Meta Description ที่ชัดเจนครอบคลุมคีย์เวิร์ด และจัดลำดับหัวข้อ (H1–H4) ตามลำดับความสำคัญ

 เพื่อให้ทั้งเครื่องมือค้นหาและ AI เข้าใจโครงสร้างได้ง่าย

### 8. สร้างสัญญาณความเชื่อถือ (Trust Signals)นอกจาก Backlink ยังมีสัญญาณอื่นที่ช่วยเพิ่ม

ความน่าเชื่อถือ เช่น รีวิวจากลูกค้า Rating จาก Trustpilot หรือ G2 การชนะรางวัลหรือได้รับ

การรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การมีโปรไฟล์ในไดเรกทอรีสำคัญ (เช่น Startup Directory,

สมาคมการตลาด) และการปรากฏในสื่อทำให้ AI มองเห็นว่าแบรนด์เราได้รับการยอมรับจากวงกว้าง 

ในธุรกิจบริการ ควรขอให้ลูกค้าจริงรีวิวผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะ เพราะ AI มักอ้างอิงข้อมูลจากรีวิว

เพื่อประกอบคำตอบ

### 9. ใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอื่นเป็นตัวเสริม

AI ไม่ได้ดูแค่เว็บไซต์หลัก แต่ยังตรวจสอบ

ความสอดคล้องของข้อมูลในหลายแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, TikTok, YouTube

การมีเนื้อหาที่สอดคล้องกันในช่องทางเหล่านี้ จะช่วยยืนยันว่าเราเป็นแบรนด์จริง ไม่ใช่เว็บผี 

นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสได้รับ Backlink เมื่อเนื้อหาเราได้รับความนิยม ใช้โซเชียลในการประกาศอัปเดตบทความหรือแชร์บทความใหม่ จะช่วยให้บอต AI มาเก็บข้อมูลเร็วขึ้นและรับรู้ว่าเว็บไซต์เรามีความสดใหม่อยู่เสมอ

กรณีศึกษา: จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ

-------------------------------

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างธุรกิจในไทยและต่างประเทศที่นำแนวคิดการเพิ่มคะแนน AI มาใช้จนประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนลองทำตามค่ะ

### ธุรกิจรับทำคอนเทนต์ในกรุงเทพฯ

ธุรกิจนี้เริ่มจากการให้บริการเขียนบทความและจัดการโซเชียลให้ SME หลังจากเรียนคอร์ส AI for Content ที่ WePlus ธุรกิจนี้ก็ใช้ ChatGPT สร้างร่างบทความ 

และให้ทีมงานปรับแก้ แล้วนำไปโพสต์บนบล็อกพร้อม FAQ ที่ครอบคลุมคำถามลูกค้า เช่น 

“ควรโพสต์โซเชียลวันละกี่ครั้ง?” “AI เขียนบทความแทนคนได้จริงหรือ?”

นอกจากนี้ยังทำ Guest Post ในเว็บไซต์การตลาดชื่อดังและเข้าร่วมงานสัมมนาเพื่อสร้าง Backlink

ผลที่เห็นคือ เมื่อค้นหา “บริการเขียนคอนเทนต์ AI ในไทย” ผ่าน ChatGPT เว็บของเขามักปรากฏ

ในคำตอบ และมีลูกค้าใหม่ติดต่อมาจำนวนมาก

### ร้านค้าออนไลน์สายสุขภาพ

ร้านค้าออนไลน์ที่ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้เริ่มใช้ AI

วิเคราะห์รีวิวและคำถามจากลูกค้า จากนั้นนำข้อมูลมาปรับคำอธิบายสินค้าและเขียนบทความยาว

เกี่ยวกับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ พร้อมอ้างอิงงานวิจัยด้านสุขภาพ เมื่อมีเทรนด์ใหม่ 

เช่น งานวิจัยปี 2024 พบว่า สาร X ช่วยลดความเครียด ร้านค้าก็อัปเดตบทความทันที 

ทำให้เนื้อหามีความสดใหม่และน่าเชื่อถือ ร้านค้านี้ยังให้ลูกค้าทำรีวิวผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะ 

ส่งผลให้ ChatGPT มองเห็นสัญญาณความไว้วางใจและอ้างอิงเนื้อหาของร้านในการตอบคำถามเกี่ยวกับ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดความเครียด”

### นักเขียนอิสระ

นักเขียนท่านหนึ่งสร้างบล็อกส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้ AI ในงานศิลปะ 

เขาใช้ Midjourney สร้างภาพประกอบและสอนวิธีสร้างผลงาน AI Art ผ่านบทความยาวพร้อมขั้นตอนละเอียด แต่ละบทความมีตัวอย่างภาพ ผลงานจริง และมีการอัปเดตเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ของโปรแกรม

 การทำบทความในรูปแบบนี้ทำให้ ChatGPT หยิบลิงก์ของเขาไปอ้างอิงเวลามีคำถามเกี่ยวกับ

 “วิธีใช้ Midjourney เวอร์ชันล่าสุด” นอกจากนั้นเขายังร่วมทำ Podcast กับผู้เชี่ยวชาญและ

อัปโหลดวีดีโอลง YouTube ทำให้มี Backlink เพิ่มและสร้างชื่อเสียงในชุมชนศิลปะ 

AIแนวทางของ WePlus Academy

-------------------------

ที่ WePlus Academy เราเชื่อว่า SME และคนทำคอนเทนต์ทุกคนสามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือ

สร้างโอกาสได้ โดยเน้นสอนให้ลงมือทำจริง คอร์สของเราจะเน้นการสร้างเนื้อหายาวที่มีคุณภาพ 

พร้อมการจัดโครงสร้างที่เหมาะกับทั้ง SEO และ AI นอกจากนี้เรายังสอนเทคนิคการใช้ Prompt

ขั้นสูงใน ChatGPT, Midjourney และ Make.com เพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างคอนเทนต์ได้

เร็ว แต่ยังคงคุณภาพและความเป็นตัวเอง

ครูเฟิร์นแนะนำให้นักเรียนทุกคนเริ่มจากทำบล็อกส่วนตัวหรือเว็บไซต์ธุรกิจ แล้วใช้เครื่องมือ AI

ช่วยร่างบทความ จากนั้นควรตรวจทานและเสริมข้อมูลจากประสบการณ์จริง 

เพื่อให้เนื้อหามีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ Copy จาก AI ทั้งหมด เมื่อเขียนเสร็จให้นำไปแชร์ในกลุ่ม

และขอ Feedback เพื่อปรับปรุง การปรับใช้แนวคิดเหล่านี้ทำให้หลายคนที่เรียนกับเราเห็นผลลัพธ์

เป็นยอดขายเพิ่มขึ้น 

การจองคอร์สเพิ่มขึ้น และมีชื่อปรากฏในคำตอบของ AI บ่อยครั้ง

สรุป: เริ่มวันนี้เพื่ออนาคตในการเป็นลูกรัก AI

----------------------------

โลกการค้นหากำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันไม่ได้อยู่แค่หน้าแรกของ Google

แต่ย้ายไปอยู่ในคำตอบของ AI ที่ถูกใช้ทุกวัน

 สูตรโกงที่ครูเฟิร์นแบ่งปันไม่ใช่เวทมนตร์ที่จะทำให้ติดอันดับในข้ามคืนนะคะ

 แต่เป็นแนวทางปฏิบัติจริงที่เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณถูก AI รู้จัก

และอ้างอิงเคล็ดลับสำคัญคือการสร้างเนื้อหาที่ตรงประเด็น มีโครงสร้างชัดเจน 

ครอบคลุมข้อมูล  ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสร้างความน่าเชื่อถือ

ผ่าน Backlink รีวิว และการปรากฏในสื่อ หากเริ่มลงมือวันนี้ 

คุณจะเป็นคนที่พร้อมรับโอกาสในยุคใหม่ของการค้นหา เตรียมพร้อมให้ธุรกิจของคุณ 

“อยู่ในสายตา AI” และนำหน้าคู่แข่งไปอีกก้าวค่ะ